วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วัดบุลกุกซาและคูหาซอกกูรัม (Bulguksa Temple and Seokguram Grotto)



บุลกุกซาเป็นวิหารแห่งดินแดนพระพุทธศาสนาตั้งอยู่กลางพื้นที่ลาดของภูเขาโตฮัมซานในเมืองเกียงชูจังหวัดเกียวซังบุค-โด

เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลกษัตริย์เกียงด็อกแห่งอาณาจักรซิลลาและเสร็จสมบูรณ์ในปี 774 โดยการกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีคิม แท -ซอง (Prime Minister Kim Dae-seong)

วัดบุลกุกซารวมเอาประกายแห่งสถาปัตยกรรมชั้นครูและศาสตร์แห่งอาณาจักรซิลลาในศตวรรษที่ 8 ในบรรดาสถาปัตยกรรมชิ้นเอกต่างๆนั้น โซกกาตับ (Seokgatap) และทาโบตับ (Dabotap) เป็นที่เด่นสะดุดตาที่สุดเพื่อเป็นการอุทิศให้แก่องค์พระศากยมุนีและพระ พุทธรัตนะ (พระพุทธแห่งศฤงคารอันเหลือล้น) เจดีย์ 2 องค์นี้เป็นตัวแทนของพระพุทธซึ่งสถิตย์อยู่ในวิหารเป็นอุทาหรณ์แห่งวัตถุประสงค์ของชาวซิลลาในอันที่จะรวบรวมความเป็นเลิศของพุทธศาสนาไว้ในโลกา

 
เบอร์โทร: (054) 746-9912
วิธีการเดินทาง: โดยรถประจำทางหมายเลข 10 บริเวณหน้าสถานีขนส่งเกียงชู (Gyeongju Bus Terminal) แล้งลงที่ป้ายวัดบุลกุกซา (Bulguksa Bus Stop)


วัดบุลกุกซาและคูหาซอกกูรัม (Bulguksa Temple and Seokguram Grotto)



คูหาซอกกูรัมซ่อนตัวอยู่ในเนินลาดทางทิสตะวันออกของยอดเขาโตฮัมซานเป็นกุฏิอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบุลกุกซาสร้างขึ้นโดยคิมแท-ซอง กุฏิหินแกรนิตเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาในพระศาสนา วิชาการด้านสถาปัตยกรรมรังสรรค์ด้วยฝีมืออันหมดจดของชาวซิลลา



วัดบุลกุกซาและคูหาซอกกูรัม (Bulguksa Temple and Seokguram Grotto)



คูหาซอกกูรัมประกอบด้วยห้องพักคอยซึ่งมีรูปแกะสลักนูนของ 8 เทพผู้พิทักษ์ และวัชรภานี (Vajrapani) 2 องค์ ตามทางเดินสั้นๆนั้น มีสลักเสลารูปเทวกษัตริย์ 4 พระองค์ประดับไว้และศาลาทรงกลมตอนกลางเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานพระศากยมุนีทัธคัตกตา (Shakyamuni Tathagata) (องค์อวตารแห่งความเป็นจริง) ตามส่วนล่างของกำแพงรูปวงกลมมีรูปแกะสลักนูนขององค์พระอวโลกิเตศวร สาวกทั้งสิบ มันชุศรี (Manjusri) สักการะเทวนัม (Sakradevanam) อินทรา (Indra) มหาพราหมณ์ (Mahabrahmandah) และสามันตะภัทร (Samantabhadra) ที่อยู่สูงขึ้นไปประมาณระดับสายตามีช่องเจาะกำแพงไว้ 10 ช่อง แต่ละช่องเป็นที่ตั้งบูชาพระโพธิสัตว์



วัดบุลกุกซาและคูหาซอกกูรัม (Bulguksa Temple and Seokguram Grotto)



องค์พระประธานประดิษฐานอยู่ใต้หลังคาโค้งมีพระโอษฐ์ยิ้มด้วยพระเมตตาอย่างเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความเป็นเลิศของมนุษย์ที่จะถ่ายทอดผ่านทางการแกะสลักหินเป็นเสมือนหนึ่งพระพุทธเจ้ากำลังทรงเทศนาอยู่ในทุกขณะ ทรงสั่งสอนเกี่ยวกับความดีของมนุษย์ที่ติดตัวมาด้วยสันดาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น