วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine)


อารามหลวงจองเมียวสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอุทิศให้แก่ดวงพระวิญญาณแห่งบูรพกษัตริย์ของราชวงศ์โชซอน ณ ที่นี้กษัตริย์ และบรรดาพระราชวงศานุวงศ์จะมาทำการสักการะแด่บรรพบุรุษตามแบบลัทธิขงจื๊อ

อารามอันสง่างามแห่งนี้ซึ่งเป็นผลงานของสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างเรียบง่ายนี้ได้รับความเห็นชอบให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันหาค่ามิได้และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโยองค์การยูเนสโกในปี 1995

อารามหลวงจองเมียวกอปรด้วยอารามชองเชิน (Jeongjeon) อันเป็นอารามหลัก อารามยองเนียงเชิน (Yeongnyeongjoen) อันเป็นอารามประกอบและสิ่งก่อสร้างประกอบอื่นๆ ชองเชินอันมีระเบียบล้อมรอบได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอาคารที่ยาวที่สุดในเอเชีย มีแท่นบูชาพร้อมป้ายสถิตย์วิญญาณเพื่อระลึกถึงพระบารมีของกษัตริย์และพระราชินี ซึ่งปัจจุบันมีป้ายของกษัตริย์จำนวน 19 ป้าย และราชินี 30 ป้าย ยองเนียงเชินอันมีห้องจำนวน 16 ห้องนั้นเป็นที่ประดิษฐานป้ายสถิตวิญญาณของวงศานุวงศ์ชั้นรองจำนวน 15 ป้ายและพระราชินีกับพระสวามีอีก 17 ป้าย

อารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine)





อารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine)
จองเมียวสร้างขึ้นในปี 1394 โดยราชวงศ์โชซอนได้ย้ายเมืองหลวงจากแจซอง (Gaeseong) มายังฮานยาง (Hanyang) (กรุงโซลในปัจจุบัน) แต่ถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลองในช่วงที่เกาหลีถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี 1592 ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1604 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1608


 

อารามหลวงจองเมียว (Jongmyo Royal Shrine)




พิธีกรรมการบูชาบรรพบุรุษ

ชองเมียว เจเร ในยุคสมัยโชซอนได้ถือลัทธิขงจื๊อในการปกครองประชาชน ไม่นานหลังการก่อตั้งราชวงศ์ได้ก่อตั้งซึงเคียนควาน หรือสถาบันขงจื๊อแห่งชาติและสถาบันในบริวารฮยางเกียว ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดอารามขงจื๊อ การศึกษาตามแบบขงจื๊อเกี่ยวกับจริยธรรมในครอบครัวและสังคม และมุ่งหวังให้มีการเคารพต่อบรรพบุรุษ

ลัทธิขงจื๊อมีความนิยมมากขึ้นในช่วงกลางของสมัยโชซอนเมื่อโรงเรียนเอกชนเรียกว่า “โซวอน” ได้จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ เพื่อสอนจริยธรรมแบบขงจื๊อสำหรับชนรุ่นหลัง โรงเรียนแห่งแรกคือ แบกุนดองโซวอน ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2085 ยุคโชซอนอาจถูกบรรยายได้ว่าเป็นสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของลัทธิขงจื๊อปรัชญาซึ่งได้แผ่ซ่านซึมเข้าไปในสามัญสำนึกของชาวเกาหลี ในบรรดา รูปแบบต่างๆ ของมรดกในลัทธิขงจื๊อที่สามารถพบได้ในวันนี้ คือพิธีการต่างๆ เช่น ชองเมียว เจเร พิธีบูชาบรรพบุรุษแห่งชาติกระทำที่อารามหลวงชองเมียว ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2538 และซอกจอน แทเจ



พิธีตามแบบขงจื๊อที่สถาบันขงจื๊อซึงเคียนควาน ชาวเกาหลีจำนวนมากยังได้ไปเคารพบรรพบุรุษที่ล่วงลับในสุสานทุกปีที่ชูซก เทศกาลการเก็บเกี่ยวเพื่อสักการะบูชาบรรพบุรุษด้วยการเซ่นไหว้ด้วยอาหารและเครื่องดื่ม การประกอบพิธีจะมีการแสดงดนตรี “ชองเมียว เจรัก” ประเภทเป่าและสาย ประพันธ์โดยกษัตริย์โซชอง และปรับแก้โดย กษัติรย์เซโจ ความจริงใจและหรูหราในเสียงดนตรี บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของเกาหลี

บทเพลงสรรเสริญชัยชนะของปวงชนในรัชสมัยโชชอน เป็นการแสดงดนตรีในราชสำนักที่เก่าแก่ราวศตวรรษที่ 15 ณ บูชาสถานหลวงจงเมียว จงจอน ในกรุงโซล จะมีการจัดงานราชพิธีโบราณอันยิ่งใหญ่ ที่สืบทอดมานับร้อยๆ ที่เรียกว่า “จองเมียว แดเจ” อันเป็นพิธีบูชาบูรพกษัตริย์ และราชวงศ์ แห่งอาณาจักร โชซอน ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี (พ.ศ.1935 - 2453)

พิธีนี้ได้มีการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน กว่า 600 ปี และยังได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี โทร. 0-2354-2080-2
เบอร์โทร: (02) 765-0195
วิธีการเดินทาง: โดยรถไฟใต้ดินโซลสาย 3 ลงที่สถานีจองโน 3 (ซัม)-กา (Jongno 3 (sam)-ga Station) และเดินต่อปีอีก 10 นาที


ขอบคุณข้อมูลจาก




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น